http://www.theonemagic.net
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เชิญชมสินค้า  รวมรูปภาพ  สอนมายากล  ประกาศฟรี
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 18/03/2008
ปรับปรุง 02/11/2021
สถิติผู้เข้าชม2,024,361
Page Views2,363,985
Menu
หน้าแรก
เชิญชมสินค้า
รวมรูปภาพ
ประกาศฟรี
สอนมายากล
มายากล
การแสดงอื่น ๆ
ข้อมูลนักลงทุน
นานาสาระ
« November 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 

โบราณอุบาย

ผมได้เจอบทความในงานวิจัยทุนอุดหนุนจาก สวช.โดย นางพรนิภา บัวพิมพ์ ซึ่งเรียบเรียงโดย เยาวนิศ เต็งไตรรัตน์ เห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่คนโบราณได้มีกุศโลบายในการสั่งสอนบุตรหลานให้เป็นคนดี มีศีลธรรม หรือให้ช่วยการงานบ้าน หรือเพื่อว่ากล่าว ตักเตือนในเรื่องต่าง ๆ ฯลฯ ไม่รู้ว่าคนโบราณเขาคิดกันได้อย่างไร บางเรื่องคนในปัจจุบันยังคิดว่าเป็นเรื่องจริงอยู่เลย ผมได้เอาบทความนี้มาเพิ่มเติมในบางส่วนตามสไตล์ของผมเอง

 

เวลากลางคืนได้ยินเสียงอะไรอย่าทัก หรือขานรับ มิฉะนั้น ของ จะเข้าตัว

          คนในสมัยก่อนมีความเชื่อในเรื่องการศึกษาเล่าเรียนวิชา ไสยศาสตร์ คาถาอาคม โดยเมื่อถึงวันสำคัญตามความเชื่อของผู้ที่เรียนก็จะมีการปล่อย "ของ" ซึ่งในที่นี้หมายถึง คาถาอาคม ผี หรือเวทมนตร์ต่าง ๆ ออกไปเพื่อทดลองวิชา และเมื่อของ ผี หรือเวทมตร์ดังกล่าวไปถูกหรือกระทบกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด จะเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้าง หากใครทัก ของนั้นจะเข้าตัวคนที่ร้องทัก ซึ่งอาจเป็นตะปู หรือหนังควายเข้าท้อง ทำให้เจ็บป่วย หรือตายได้...โอโฮถึงขนาดนั้นเชียวนะตัวเอง... นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เล่ากันต่อมาว่า เวลาที่จะสร้างเมืองจะต้องมีเสาหลักเมืองอยู่สี่มุมเมือง ขุดหลุมขนาดคนลงไปได้ และมีไม้ซุงขนาดใหญ่ที่ใช้ทำเสาหลักเมืองวางอยู่ปากหลุม  ทางราชการจะให้ทหารออกไปตามหมู่บ้านในคืนเดือนมืด แล้วตะโกนดัง ๆ เป็นระยะ ๆ ว่า อิน...จัน...มั่น...คง...ถ้าบังเอิญไปตรงหรือไปพ้องกับชื่อใครเข้า และอีตาคน ๆ นั้นไม่ทันฟังให้ถนัดขานรับออกไปแล้วล่ะก็...ความซวยมาเยือน....คือ ทหารหลวงก็จะจับตัวผู้นั้นไป เมื่อครบทั้ง 4 คนแล้ว ก็จะพาไปประจำหลุมทั้งสี่มุมเมือง และทำพิธีโดยปิดตาทั้งสองข้างบวงสรวงตามพิธีกรรม จากนั้นก็จะผลักคนโชคร้ายทั้ง 4 ลงไปในหลุม ใช้ไม้ซุงกระแทกลงไปให้คนทั้ง 4 คนนั้นตาย แล้วก็เอาดินกลบ จากนั้นทำพิธีบวงสรวงปลูกศาลคร่อมเสาหลักเมืองไว้ กลายเป็นผีเฝ้ามุมเมือง...น่ากลั๊ว...น่ากลัว....ดังนั้นในตอนกลางคืน หากมีใครมาเรียก หรือมีเสียงอะไรแปลก ๆ คนสมัยก่อนจะไม่ขานรับ นอกจากจะแน่ใจว่าไอ้ที่มาน่ะเป็นเสียงคนคุ้นเคย  คนโบราณได้วางอุบายเล่าเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ให้กลัว เกรง เพื่อสั่งสอน หรือเตือนบุตรหลานของตนให้รู้จักระมัดระวังภัยอันตรายในยามค่ำคืน เพราะอาจมีคนมาลอบทำร้ายก็ได้...ซึ่งสามารถใช้ได้กับยุคปัจจุบันด้วย...แต่คนในยุคปัจจุบันบางทีหลงว่าคนโบราณเขาโง่งมงาย...แต่จริง ๆ แล้วคนในยุคปัจจุบันนี้สิโง่งมงาย...ไม่เข้าใจสิ่งที่บรรพบุรุษได้สั่งสอน...เฮ้อ...กลุ้มใจ...
          เรื่องเล่า อิน..จัน..มั่น..คง..นั้น คงเป็นเพียงความเชื่อของชาวบ้านที่ไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่นอน และตามตำราพระราชพิธีฝังหลุมพระนครก็ไม่มีตอนใดกล่าวถึงคนชื่อ อิน จัน มั่น คง อยู่ดี มีเพียงการปั้นดินแล้วสมมุติให้เป็นธาตุทั้ง 4 ซึ่งมีคุณสมบัติต่าง ๆ แล้วโยนลงหลุมพร้อมเชิญแผ่นศิลายันต์ลงหลุม  ขั้นตอนสุดท้ายคือการอัญเชิญเทวดาเข้าประจำหลักพระนคร

จะก้าวขึ้นหรือลงบันได ให้ก้าวทีละขั้น อย่าก้าวทีเดียวสามขั้น มิฉะนั้นจะทำมาหากินไม่ได้

          ในสมัยโบร่ำ โบราณ ประเทศไทย เป็นชุมชนเกษตรกรรม ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ไม่เหมือนปัจจุบันที่ในน้ำมีแต่สารพิษ ในนามีแต่คันนา เพราะคนหันมาทำงานเป็นหนุ่มสาวโรงงานกันหมด เพราะความเป็นชุมชนเกษตรกรรมในสมัยก่อนนี้เอง ถิ่นฐานบ้านช่องของคนในยุคโบราณจึงต้องปลูกบนพื้นที่ลุ่มซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูก หาเลี้ยงปากท้อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างผู้คนกับธรรมชาติ ,สภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในยุคก่อน  และเนื่องจากการปลูกบ้านบนพื้นที่ลุ่มนี่เองก็ทำให้คนไทยโบราณต้องปลูกบ้านแบบยกพื้นสูง ๆ เพื่อเตรียมรับกับฤดูน้ำหลาก...และบนเรือนยังสามารถประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ได้จนจบสิ้นกระบวนความโดยไม่ต้องลงมายังพื้นก็ได้ อีกทั้งเรือนไทยยังมีความปลอดภัยสูง คือ เจ้าของบ้านสามารถชักบันไดขึ้นมาเก็บไว้บนตัวบ้านในเวลากลางคืนได้ด้วย
          บันไดสมัยก่อนนิยมใช้ไม้แผ่นทำเป็นขั้นสำหรับขึ้น หรือลง และก็มีลักษณะโล่ง โปร่ง อาจมีราวจับหรือไม่มีเลย ดังนั้นจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขึ้นลงบันได และหากบันไดมีอายุการใช้งานนาน  ไม้ก็จะถูกเดินจนเรียบ และลื่น หรือมีบางส่วนผุพังไปตามกาลเวลา แม้แต่ปัจจุบันบันไดที่ทำด้วยปูน หรือไม้ที่มั่นคงถาวรหากก้าวเร็ว ๆ ข้ามทีละหลาย ๆ ขั้นก็อาจตกลงมาได้
          ดังนั้นคนโบราณจึงสอนว่า การก้าวขึ้นลงบันไดนั้น ต้องขึ้น หรือลงทีละก้าว อย่าก้าวทีเดียวสามขั้นจะทำมาหากินไม่ดี ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันอันตรายอันจะเกิดขึ้นแก่ลูกหลาน ซึ่งอาจพลาดพลั้งแขนหัก ขาหัก หักแตก และถ้าเกิดกับสมองก็อาจพิการ หรือตายได้เลยทีเดียว


 

 
มายากล สอนมายากล รวมรูปภาพ ประกาศฟรี
view